เหตุการณ์ไฟไหม้ที่ตลาดช่องจอม จ.สุรินทร์ สร้างความเสียหายกับผู้ประกอบการทั้งไทย-กัมพูชา มากกว่า 100 ล้านบาท ซ้ำรอย 13 ปีก่อน แต่เสียหายมากกว่า เพราะสต๊อกของไว้ขายช่วงวันออกพรรษา
กองอำนวยการศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยตลาดช่องจอม จ.สุรินทร์ โดยนายสันทัด แสนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ รวมทั้งนายฮุน โซเพี๊ย รองผู้ว่าฯ จ. ผวจ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา พร้อมด้วยประธานช่องโอร์เสม็ด,หัวหน้าหน่วยประสานงานชายแดนกัมพูชา-ไทย ประเทศกัมพูชา และหน่วยงานในพื้นที่โอร์เสม็ด ฝั่งกัมพูชา
ร่วมกันมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประกอบการชาวกัมพูชาและชาวไทยบางส่วน รวมกว่า 300 คน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นการปลอบขวัญให้กำลังใจ หลังร้านค้าภายในตลาดการค้าชายแดนช่องจอม ถูกเพลิงไหม้วอดเสียหายจำนวน 320 ร้านค้า โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.ของคืนที่ผ่านมา (27 ต.ค.66)
ผู้ประสบภัยส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา เข้ามาลงทะเบียนผู้ประสบภัย เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาตามกรอบกฏหมาย และเพื่อเช็คยอดร้านค้าและสินค้าที่ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นพบว่ามีร้านค้าได้รับความเสียหายถึง 320 ร้านค้า ความเสียหายในเบื้องมากกว่า 100 ล้านบาท
นายสันทัด กล่าวว่า หลังสำรวจความเสียหายแล้ว จะรวบรวมนำเข้าที่ประชุม กชพอ. ต่อไปเพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบ ซึ่งหน่วยงานพิสูจน์หลักฐานกำลังตรวจสอบสาเหตุของการเกิดอัคคีภัยในครั้งนี้
ด้านนายฮุน โซเพี๊ย กล่าวว่า ชาวกัมพูชาที่มาค้าขายที่ตลาดช่องจอม ทางการจะช่วยเหลือตามระเบียบ และประสานงานความช่วยเหลือกับทั้ง 2 ประเทศต่อไป ขอให้กำลังใจผู้ประสบภัยทุกคน
ขณะที่นายนพรัตน์ ศรีพรม เจ้าของร้านสกีนส์เสื้อที่ถูกเพลิงไหม้ กล่าวว่า ร้านของตนเป็นร้านสกรีนส์เสื้อ มีเสื้อประมาณ 1 หมื่นตัวไหม้หมดทั้งร้าน ขนออกไม่ทัน เพราะมืด ประตูเปิดไม่ได้ เพราะลูกกุญแจอยู่กับลูกน้อง เหตุการณ์ฉุกละหุกเกิดขึ้นเร็วมาก มูลค่าความเสียหายทั้งร้านน่าจะเกือบ 2 ล้านบาท ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเยียวยาผู้ประสบภัยด้วย
สำหรับตลาดการค้าชายแดนช่องจอมเคยเกิดเหตุเพลิงไหม้ทั้งตลาดมาแล้วเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2553 ผ่านมา 13 ปีแล้ว ร้านค้าหลายร้อยร้านค้าเสียหายเป็นตอตะโก ต้นเพลิงเกิดจากถังแก๊สลุกลามภายในร้านดับไม่ทัน และรถดับเพลิงเข้าไปฉีดสกัดในซอยไม่ได้ เนื่องจากมีการต่อหลังคาบังแดดเชื่อมโยงกัน ทางเข้าจึงแคบ รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปได้ รวมทั้งเป็นสินค้าที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว และเกิดความเสียหายกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างมากกว่าเพลิงไหม้ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามพบว่ามูลค่าความเสียหายในครั้งนี้มีมากกว่าเมื่อ 13 ปีก่อน เนื่องจากมีการสต็อกสินค้าไว้ขายในช่วงออกพรรษา หน้าหนาว และปีใหม่ที่จะถึงนี้จำนวนมากดังกล่าว ทั้งนี้ตลาดการค้าชายแดนช่องจอมปัจจุบัน อยู่ระหว่างการปรับปรุงใหม่ โดยการสร้างอาคารถาวรที่มั่นคงปลอดภัย บรรดาพ่อค้าแม่ค้าขยับย้ายร้านไปด้านหลังทางทิศเหนือของตลาดเป็นการชั่วคราว ก่อนที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้