สองสามีภรรยา กลับมาอยู่บ้านเพราะต้องดูแลแม่ที่ไม่สบาย คิดสร้างรายได้ด้วยอาชีพแปลกๆ ที่ให้รายได้ดี พบ “ตะขาบ-แมงป่อง” เป็นที่นิยม เลี้ยงส่งขายทั้งในและต่างประเทศ สร้างรายได้เดือนละกว่า 30,000 บาท
ที่ จ.มหาสารคาม นางสัมฤทธิ์ ประตังภาโล อายุ 51 ปี หรือ พี่แต๋ว และนายวีระศักดิ์ แสนสี อายุ 54 ปี หรือ พี่จ่อย สองสามีภรรยา ที่หันมาประกอบอาชีพแปลก ๆ รับซื้อสัตว์มีพิษ อย่างตะขาบและแมงป่องช้าง จำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศก่อนโพสต์ขายทางช่องทางออนไลน์ สร้างรายได้แต่ละเดือนไม่ต่ำกว่าเดือนละ 30,000 บาท
นางสัมฤทธิ์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ รับจ้างผลิตเสื้อผ้า ตัดชุด PPE ในช่วงโควิด ก่อนที่จะกลับมาอยู่ที่บ้านเพราะต้องมาดูแลแม่ที่ไม่สบายได้ประมาณ 3 ปีแล้ว พอกลับมาบ้านก็ต้องหาอะไรทำ ตอนแรกก็เลี้ยงจิ้งหรีด แต่เลี้ยงไปเลี้ยงมา ราคาอาหารจิ้งหรีดก็แพงขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไม่ไหว ไปเห็นร้านแมลงทอดก็ไปยืนดูว่าเค้าขายอะไรบ้าง ในหมวดหมู่แมลงทอดมีอะไรที่ขายแพงที่สุด ก็จะเป็นตะขาบและแมงป่องช้าง ก็เลยคิดว่าสัตว์ 2 ชนิดนี้จะเลี้ยงได้ไหม ก็เลยลองดู
“ลงทุนเข้าป่าไปขุดหาเอง ไปพร้อมกับชาวบ้าน ได้รับซื้อจากชาวบ้าน แล้วโพสต์ขายทางช่องทางออนไลน์ ก็ขายได้ เลยรับซื้อเป็นจริงเป็นจัง ชาวบ้านก็จะไปขุดมาขายให้ เราก็รับซื้อราคากิโลกรัมละ 400 บาท ถ้าเป็นช่วงหน้าแล้ง รับซื้อที่กิโลกรัมละ 450 บาท จากนั้นก็นำมาคัดไซส์ ตัวเล็ก ๆ นำไปเลี้ยงในบ่อ นำลังไข่มาเป็นที่หลบซ่อน ให้น้ำ ให้จิ้งหรีด และปลวกเป็นอาหาร พอขนาดตัวได้ตามไซส์ก็นำออกมาจำหน่าย” นางสัมฤทธิ์ กล่าว
ส่วนตะขาบชาวบ้านจะออกไปหาในป่าตอนกลางคืน ตะขาบจะออกจากรัง มาอยู่ตามต้นไม้ คนหาจะส่องไฟหา นำขวดน้ำอัดลมไปใส่ ตะขาบจะชอบที่ชื้นแต่ไม่แฉะ รับซื้อตั้งแต่ไซส์ความยาว 5-9 นิ้วเป็นต้นไป ราคาตัวละ 10-30 บาท โดยตะขาบที่ได้มาก็จะใส่ไว้ในขวดน้ำอัดลม เจาะรูเล็ก ๆ เรียงไว้แบบคอนโด ให้อาหารเป็นจิ้งหรีด จะไม่ปล่อยรวมกัน เพราะตะขาบจะกัดกันเอง ทำให้เปอร์เซ็นต์การตายสูง
ทั้งนี้ชาวบ้านที่หาตะขาบหาแมงป่องมาขายให้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนวัยกลางคน วัยรุ่นก็มีบ้างนิดหน่อย รวมๆ แล้วประมาณ 40-50 คน ซึ่งทุกคนต้องใช้ความชำนาญ ความอดทน และประสบการณ์ เพราะที่ที่เคยมีก็จะมี ส่วนที่ที่ไม่เคยมีก็จะไม่มีเลย จะไปหาแต่ละทีก็ต้องรู้แหล่งว่า พื้นที่ไหนที่มีสัตว์ชนิดนั้น ๆ อยู่
“พอได้ทั้งตะขาบและแมงป่องมาแล้ว นำมาน็อคน้ำแข็งให้ตาย ตะขาบส่วนหนึ่งจะคัดไซส์ใส่กล่องขายตัวสด ส่วนหนึ่งก็จะนำไปตากแห้ง โดยราคาขายตัวสด จะอยู่ที่กล่องละ 20 ตัว เริ่มต้นที่กล่องละ 1,200-2,000 บาท ตามขนาดไซส์ ส่วนราคาตะขาบตากแห้งจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 3,000 – 5,000 บาท” นางสัมฤทธิ์ กล่าว
นางสัมฤทธิ์ กล่าวว่า แมงป่องช้าง จะขายตัวสดแบบฟรีส กล่องละ 20 ตัว ราคาขายอยู่ที่กล่องละ 800 บาท ถ้าเป็นตัวเล็ก กล่องละ 30 ตัว ราคากล่องละ 450 บาท จะส่งด้วยรถควบคุมอุณหภูมิ ลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ที่จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทั้งภูเก็ต เชียงใหม่ กรุงเทพฯ เป็นต้น ส่วนตะขาบตากแห้ง จะมีลูกค้าจากจีนมาซื้อโดยตรง คาดว่าจะนำไปทำยา
“ตอนนี้มองว่าตลาดยังไปได้อีกไกล เพราะยังไม่ค่อยมีคนทำ เพราะถือเป็นอาชีพที่เสี่ยง ตลาดยังคงสดใส ต้นทุนแทบจะไม่มี จะมีก็แค่ค่าหัวอาหารของจิ้งหรีด ที่นำมาเป็นอาหารให้กับตะขาบและแมงป่อง ถึงแม้ว่าจะเสี่ยงอันตราย แต่ด้วยราคาขายที่ถือว่าได้ราคาดี ก็ถือว่าเป็นรายได้ที่มั่นคง” นางสัมฤทธิ์ กล่าว