Skip to main content

ขอนายกฯ เจรจากัมพูชาเปิดชม “เขาพระวิหาร” กระตุ้น ศก.พื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

7 ตุลาคม 2566

นายกฯ​ ท่องเที่ยว จ.ศรีสะเกษ ร้องขอ “เศษฐา” เจรจารัฐบาลกัมพูชา ขอเปิดทางให้เข้าชม “เขาพระวิหาร” กระตุ้นการท่องเที่ยว เชื่อสร้างเม็ดเงินในพื้นที่

ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยว ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางไปประเทศกัมพูชา จึงอยากขอให้นายกฯ ช่วย จ.ศรีสะเกษ ในเรื่องการท่องเที่ยว เพราะไม่มีทะเลและภูเขาให้นักท่องเที่ยวสนใจอยากจะเดินทางมาชม  ทำให้ต้อง พยายามสร้างจุดขายด้านการท่องเที่ยวประเพณี วัฒนธรรม  ขายประวัติศาสตร์จากปราสาทต่างๆ ที่เรามี และจุดขายแหล่งท่องเที่ยว ธรรมชาติ เช่นน้ำตก และผามออีแดง  จุดชมวิวผาพญากูปรี แต่ก็ยังไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากนัก

“ที่ผ่านมาจำได้ว่า เมื่อมีการเจรจากับทางกัมพูชาและมีการเปิดเขาพระวิหารเป็นแหล่งท่องเที่ยว เมื่อปี 2538 มีนักท่องเที่ยวมาขึ้นเที่ยวชมปราสาทพระวิหาร ด้วยรถบัส จำนวนมากถึงวันละกว่า 100 คัน สามารถ สร้างเศรษฐกิจรายได้ให้ศรีสะเกษและจังหวัดใกล้เคียงได้เป็นจำนวนมาก” ดร.กัลยาณี กล่าว   

ดร.กัลยาณี กล่าวว่า หากนายกฯ ได้เจรจากับนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชาให้ เปิดเขาพระวิหารให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเที่ยวโดยขึ้นจากทางฝั่งไทย ได้เหมือนเดิม จะมีหลายจังหวัดทางภาคอีสานใต้ที่สามารถใช้เส้นทางนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้มาเที่ยวทางอีสานใต้ได้   ซึ่งเมื่อเราไปคุยกับชาวกัมพูชาที่อยู่ใกล้เขาพระวิหาร เขาก็ต้องการให้มีการเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นชมทางฝั่งไทยได้เหมือนกัน  จะเกิดประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายคือฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชา

“จึงมีความหวังมาก หากนายกฯ เจรจาเรื่องนี้กับทางกัมพูชา  ทางฝ่ายกัมพูชา จะต้องร่วมกับฝ่ายไทยเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมได้อย่างไม่มีเงื่อนไข เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและประชาชนได้ผลประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะในสมัยที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาประชุมสัญจรที่จังหวัดศรีสะเกษ ได้เสนอในที่ประชุมให้เปิดเขาพระวิหาร และเมื่อได้ไปพูดคุยแล้ว ทางกัมพูชาเห็นด้วยและ เปิดเขาพระวิหารให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ทันที” ดร.กัลยาณี กล่าว

ด้าน นายชัยพฤกษ์ ทองคำ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวว่า ขอสนับสนุนในเรื่องให้มีการเปิดเขาพระวิหาร เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกครั้งหนึ่งที่ศรีสะเกษ  เพราะเป็นการจัดพานักท่องเที่ยวไทยให้ท่องเที่ยวภายในประเทศไทย จะสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้แก่ประเทศไทยได้มาก เป็นการเปิดมรดกโลกเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักอีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้นโยบายของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) นอกจากจะสนับสนุนเส้นทางการท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยยังต้องการที่จะมีเครือข่าย แหล่งท่องเที่ยวของต่างประเทศด้วย เป็นการสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศและระหว่างผู้ประกอบการ  จึงขอรณรงค์ให้มีการเปิดด่านเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวสู่เขาพระวิหาร

“ขณะนี้แม้เพียงแค่นักท่องเที่ยวได้ทราบข่าวดีเกี่ยวกับ อุทยานประวัติศาสตร์มรดกโลกศรีเทพที่จังหวัดเพชรบูรณ์  ก็ยังทำให้มีนักท่องเที่ยวสนใจจะไปชมจำนวนมาก  หากมีการเปิดเขาพระวิหารเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกครั้งหนึ่ง ก็จะสามารถทำเส้นทางเชื่อมโยงการท่องเที่ยวและ สร้างรายได้ มหาศาลให้แก่ประเทศไทยได้” นายชัยพฤกษ์ กล่าว

เนื้อหาล่าสุด