ประธานหอการค้าโคราชเผยตลาดค้าปลีกโคราชแข่งเดือด หลังทุนจีนมาเปิดซุปเปอร์มาร์เก็ตแข่ง ชี้ร้านค้าปลีกท้องถิ่นยังเข้มแข็ง แต่ไม่ประมาท ต้องเร่งนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดต้นทุนสู้
จากกรณีที่มีป้ายโฆษณาภาษาจีน โผล่ใจกลางเมืองนครราชสีมา โดยเป็นป้ายไวนิลขนาดใหญ่ ติดอยู่บนอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 2 คูหา ริมถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ห่างจากลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือลานย่าโม ประมาณ 500 เมตร โดยในป้ายมีข้อความภาษาจีน ซึ่งแปลออกมาเป็นภาษาไทยว่า “ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ธุรกิจหลัก อาหารจีน ขนม เครื่องปรุงรส อาหารแห้ง อาหารแช่แข็ง และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ” พร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ทิ้งท้าย โดยมีภาษาไทยแค่คำว่า “ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน” เท่านั้น ซึ่งชาวโคราช ต่างพากันถ่ายภาพและแชร์ต่อๆ กันในโลกโซเชี่ยล พร้อมกับวิพากษ์วิจารกันอย่างกว้างขวาง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
นายสุดที่รัก พันธุ์สายเชื้อ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “กรณีที่มีซุปเปอร์มาร์เก็ตจีนมาเปิดในพื้นที่ จ.นครราชสีมานั้น มองได้สองมุม ทั้งมุมบวกและมุมลบ โดยมุมบวกก็จะทำให้ลูกค้าในพื้นที่มีสินค้าชนิดใหม่ๆ ให้เลือกซื้อหลากหลายมากขึ้น มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ส่วนมุมลบก็คงจะเป็นผู้ค้าในพื้นที่ โดยเฉพาะซุปเปอร์มาร์เก็ตของคนในท้องถิ่น อาจจะได้รับผลกระทบในเรื่องของการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นอีก ซึ่งเราต้องมาดูตัวเองว่าผู้ประกอบการในพื้นที่ของเรามีความพร้อมมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการ
จากการประเมินขณะนี้ ตลาดค้าปลีกในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ยังไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก เนื่องจากผู้ค้าปลีกท้องถิ่น เช่น ห้างวิชโก้ ซึ่งเป็นห้างท้องถิ่นโคราช มีความเข้มแข็งมาก รวมถึง ห้างค้าปลีกรายใหญ่ เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น, เทสโก้โลตัส และบิ๊กซี เป็นต้น ยังมีความเข้มแข็งอยู่มาก แต่จะเป็นห่วงก็ในส่วนของซัพพลายเออร์ หรือผู้ผลิตสินค้า ซึ่งจะต้องเร่งพัฒนาการผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาดให้มากขึ้น
ส่วนเรื่องการลดต้นทุนการผลิต ก็ให้นำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ เพราะตอนนี้ ผู้ผลิตสินค้าจากจีนที่เขาสามารถทำต้นทุนให้ต่ำได้ เนื่องจากเขานำเทคโนโลยีมาใช้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ดังนั้น ทางหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา จึงเร่งส่งเสริมกิจกรรมพาผู้ประกอบการไปดูงานที่เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีการผลิตต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาเร็วมาก อย่างไรก็ตามในส่วนของรัฐบาล ก็ต้องมีมาตรการส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการค้าปลีกไทย ให้สามารถแข่งขันกับทุนต่างชาติได้อย่างยั่งยืนด้วย