Skip to main content

‘ท่าแร่’ ท้องถิ่นที่สร้างจากพลังแห่งศรัทธา

23 สิงหาคม 2567

 

หลายคนอาจนึกถึงว่า แนวทางที่จะสามารถทำให้ท้องถิ่นและชุมชนเข้มแข็งได้นั้น จะต้องมีรากฐานมาจากการสนับสนุนของภาครัฐเท่านั้น โดยมองข้ามบทบาทของสถาบันศาสนา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการสร้างการมีส่วนร่วม และช่วยให้เกิดการรวมกลุ่มให้เกิดขึ้น ดังเช่นที่ ‘ชุมชนท่าแร่’  หมู่บ้านคริสตัง หรือชุมชนคริสตศาสนิกชน นิกายโรมันคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ถือเป็นอีกหนึ่งชุมชนที่มีความเข้มแข็งในการรวมกลุ่ม และเป็นอีกโมเดลในการพัฒนาที่มีศาสนาเป็นศูนย์รวมทางจิตใจและผู้คน

หมู่บ้านท่าแร่ เป็นชุมชนเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2427 ชาวคริสตังในพื้นที่นี้ มีพื้นเพมาจากตัวเมืองสกลนคร คนในชุมชนมีทั้งชาวเวียดนามอพยพและชาวไทยญ้อ ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ของจังหวัดสกลนคร เดิมชาวไทยญ้ออาศัยอยู่ที่แขวงไชยบุรี สปป.ลาว ก่อนจะมีการอพยพย้ายถิ่นมายังประเทศไทยเนื่องจากถูกกีดกันในการนับถือศาสนา

ความพิเศษของหมู่บ้านท่าแร่ นอกจากเป็นหมู่บ้านคริสตังที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสานแล้ว วิถีชีวิตและภูมิปัญญาของชาวท่าแร่ยังสะท้อนภาพความหลากหลาย ความคิดความเชื่อ ศาสนาและวัฒนธรรมที่เป็นแบบอย่างเฉพาะ เช่น การตกแต่งออกแบบอาคารบ้านเรือนของคนในหมู่บ้าน ซึ่งเชื่อมโยงกับเทศกาลและกิจกรรมทางศาสนา ตลอดจนอาหารการกิน ที่มีความผสมผสานอาหารลาวญวน อันเป็นสืบเนื่องมาจากการอพยพเคลื่อนย้ายในภูมิภาคอินโดจีน ซึ่งภายหลังกลายมาเป็นสินค้าเชิงวัฒนธรรม ที่หากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่าแร่ต้องลองชิม ไม่ว่า ก๋วยจั๊บ ไข่กระทะ หรือสุกี้น้ำจิ้มสูตรโบราณ เป็นต้น

อีกหนึ่งสิ่งที่มีความโดดเด่นของท่าแร่ คือ สถาปัตยกรรมหลายหลังเป็นอาคารที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส ที่ได้รับถ่ายทอดมาจากชาวเวียดนามอพยพ  ซึ่งต่อมาถูกปรับให้เป็นร้านอาหาร สถานที่ที่ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วสารทิศให้มาเยี่ยมชมชุมชนท่าแร่ชุมชนคริสตังเก่าแก่ของประเทศไทย

ความน่าสนใจของชาวท่าแร่ ในฐานะคริสศาสนิกชน ทำให้ไม่มีธนาคารเอกชนให้บริการ เนื่องจากคริสตังในพื้นที่ใช้บริการฝากเงินจาก “เครดิตยูเนี่ยน”  ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการแบบสหกรณ์ของชุมชนเพื่อคนในชุมชน แง่หนึ่งก็สะท้อนทั้งพลังศรัทธาของชาวคริสตังในพื้นที่ และความสามัคคีกลมเกลียวอย่างแน่นแฟ้นของชาวท่าแร่

นอกจากความเข้มแข็งที่มาจากการวมกลุ่มของคริสตศาสนิกชนในชุมชนแล้ว ยังมีการอนุรักษ์ประเพณีที่ยึดโยงกับศาสนาของคนในพื้นที่ เช่น การแห่ดาว เทศกาลขนาดใหญ่ที่จัดขึ้นช่วงคริสมาสต์ของทุกปี โดยประชาชนในชุมชนจะร่วมมือกันจัดกิจกรรม และใช้อาสนวิหารอัครเทวดามิคาแอลเป็นศูนย์กลางของศรัทธา เป็นงานที่สวยงามสว่างไสวด้วยแสงไฟประดับประดาดึงดูดให้ผู้คนเดินทางมาร่วมงานนี้อย่างมากมายในแต่ละปี เป็นความเข้มแข็งของชุมชนศาสนาที่ผูกโยงกันด้วยด้วยศรัทธาและความเชื่อมากว่า 100 ปี และยังคงไม่เสื่อมคลายมาถึงทุกวันนี้ นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถติดต่อสอบถาม ที่พัก กิจกรรมในช่วงเทศกาลแห่ดาว ผ่านสำนักงานมิสซังโรมันคาทอลิกท่าแร่-หนองแสง


 

เนื้อหาล่าสุด