‘เขื่อนลำปาว สะพานเทพสุดา’ แหล่งท่องเที่ยวกาฬสินธุ์ เหมาะมาชิลล์ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

ใครที่ชอบการท่องเที่ยวแบบเดินเล่นออกกำลังกาย ชมวิวสองฟากฝั่งน้ำ “สะพานเทพสุดา” ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ยังรอคอยให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสบรรยากาศที่สวยงามนี้

“สะพานเทพสุดา” ได้รับพระราชทานนามจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นสะพานน้ำจืดที่ยาวที่สุดในประเทศไทย  ทอดผ่านเขื่อนลำปาว เขื่อนดินขนาดใหญ่และเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของภาคอีสาน มีความยาวถึง 2,040 เมตร

แม้ระยะทาง 2 กิโลเมตรเศษ ที่ดูเหมือนไกล แต่วิว 2 ข้างทางที่งดงามก็สร้างเพลิดเพลินใจได้ไม่น้อย หากยิ่งได้มากับคนที่รู้ใจ หรือคนในครอบครัว เพราะนอกจากทัศนียภาพของเขื่อนลำปาวที่สวยงามแล้ว  ยังได้ยลภาพชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา

สำหรับกิจกรรมการท่องเที่ยว เริ่มได้ตั้งแต่ความสนุกสนานบนแพที่ลอยอยู่บนผิวน้ำเขื่อนลำปาว  มีรองรับการมาสังสรรค์ ร้องเล่น เต้นรำบนแพได้อย่างสนุกสนาน หรือกิจกรรมเล่นบานาน่าโบ๊ท

นอกจากนี้ ผู้ที่มาท่องเที่ยวยังจะได้สัมผัสกับบรรยากาศวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ทำประมงน้ำจืด  อย่างเช่น การยกยอ การทำประมง ล่องเรือทอดแห และหากเดินข้ามสะพานไปยังอีกฝั่งหนึ่งของเขื่อน ก็จะได้เห็นแหล่งเลี้ยงปลาในกระชังชาวบ้านชุมชนที่อยู่รอบเขื่อนลำปาวอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น บรรยากาศริมเขื่อนลำปาวยามเย็นเหมาะสำหรับเป็นที่เดินเล่นและนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ไม่ว่าจะมาเป็นครอบครัว หรือมากับกลุ่มเพื่อน หรือมากับคนรัก แม้แต่มาคนเดียวก็เหมาะ ที่จะมาเดินถ่ายรูปแบบชิล ๆ แล้วสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด พร้อมชมวิถีชีวิตผู้คน ซึ่งแค่เดินชมวิวริมเขื่อนก็เพลิดเพลินใจ  สัมผัสอากาศเย็นสบาย สบายตาไปกับวิวภูเขา หรือจะเดินลุยน้ำให้ขาแข้งเปียก ก็ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย หายเหนื่อยได้ไม่น้อยเลย

สำหรับผู้ที่หลงรักการตกปลา หากนำอุปกรณ์ตกปลามาด้วย ก็เหมาะที่จะใช้เวลากับการเหวี่ยงเบ็ดและเผ้าดูปลาในเขื่อนกินเหยื่อ และนำปลาที่ตกได้มาประกอบอาหารเย็นสไตล์แคมปิ้งริมน้ำกับครอบครัว คนรัก หรือเพื่อนฝูง ก็จะให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้ดี

เขื่อนลำปาว ลำน้ำหล่อเลี้ยงปลากระชังชาวบ้าน

นอกจากเป็นแหล่งน้ำเพื่อส่งเสริมการเกษตร และแหล่งท่องเที่ยวแล้ว เขื่อนลำปาว ยังเป็น พื้นที่ให้เกษตรกรในพื้นที่อำเภอสหัสขันธ์  และอำเภอหนองกุงศรี ประกอบอาชีพเลี้ยงปลานิลในกระชังเป็นจำนวนมาก และส่งจำหน่ายไปทั่วประเทศ

ปลานิลคุณภาพดีจากเขื่อนลำปาว ยังสร้างธุรกิจการแปรรูปอาหารพร้อมรับประทาน เช่น แจ่วบอง ปลาร้า และปลาแดดเดียว ซึ่งปลานิลที่เลี้ยงในเขื่อนลำปาวมีการตรวจรับและได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP  ว่า ไร้สารเคมีตกค้าง 100% นับเป็นแหล่งเลี้ยงทางธรรมชาติที่สร้างรายได้ให้ชาวบ้านได้เป็นอย่างดี  เพราะมีปลานิลออกสู่ตลาดไม่น้อยกว่า 10 ตันต่อวัน

ล่องแพดื่มด่ำบรรยากาศ และอิ่มอร่อยกับเมนูปลาสดๆ

สิ่งที่ห้ามพลาดหากมีโอกาสมาเที่ยวเขื่อนลำปาวก็คือ การล่องแพชมทัศนียภาพ และชิมเมนูปลานิลสดๆ ซึ่งแพมีให้เลือกหลากหลาย เช่น โซนแพเล็กสำหรับครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน 10 -15 คน แพขนาดกลาง ที่รองรับนักท่องเที่ยวได้เกือบ 80 คน พร้อมเครื่องอำนวยความบันเทิงครบครัน ส่วนแพโซนใหญ่ ซึ่งมี 2 ชั้น ชั้นล่างรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 80 ท่าน ชั้นบนรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 40 ท่าน

ส่วนเมนูเด็ดที่ห้ามพลาดเด็ดขาด นอกจากปลานิลแล้ว ยังมีเมนูปลาช่อนและกุ้งแม่น้ำที่รสชาติอร่อยเหาะ  สดใหม่อร่อยถึงใจในราคาไม่แรง เช่น เมนูกุ้งแม่น้ำเผา 1 กิโลกรัม ราคา 500 บาท ปลานิลลวกจิ้มที่ละ 200 บาท ปลาช่อนนึ่งมะนาว 300 – 320 บาทต่อชุด  

ปักหมุดมาชิลล์รับลมชมวิวกันได้ที่ “สะพานเทพสุดา”

การท่องเที่ยวในนิยามของหลายคน อาจจะหมายถึงการค้นหาประสบการณ์แปลกใหม่ หลายคนอาจหมายถึง การพักผ่อนหย่อนใจแล้ว แต่ไม่ว่าจะนิยามกันอย่างไร การท่องเที่ยวก็มีส่วนสำคัญในการกระจายรายให้กับชุมชนในแต่ละท้องถิ่น

สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวชมเขื่อนลำปาว หากเริ่มต้นจากตัวเมืองกาฬสินธุ์ ให้ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 227 มุ่งหน้าไปอำเภอสหัสขันธ์ ระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตร ขับตรงไปตามเส้นทาง จะมีป้ายแนะนำเส้นทาง ประมาณ 6.6 กิโลเมตร จะถึงสะพานเทพสุดา ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 30 นาที

เมื่อถึงแล้ว จะเห็นรูปปั้นไดโนเสาร์ที่บริเวณลานสาธารณะเชิงสะพาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของจังหวัดกาฬสินธุ์ และแลนด์มาร์คยอดนิยมของคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมเขื่อนลำปาว และมาชมพระอาทิตย์ตก ณ สะพานแห่งนี้