เมื่อร่างกายเรียกร้องให้ออกไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ในสถานที่ไร้ซึ่งการปรุงแต่งใดๆ อยู่กับความอุดมสมบูรณ์ วิถีความเป็นพื้นบ้านแบบดั้งเดิม เข้าใจรอยทางประวัติศาสตร์ในหนึ่งวันเพลินๆ กับการเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรม ชุมชนสะพานไม้บานา เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
ความสวยงามและอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ได้โอบกอดผู้คนใน ชุมชนสะพานไม้บานา ตำบลบานา อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ไว้อย่างเหนียวแน่น เกิดเป็นความหวงแหนบรรยากาศและสัตว์น้ำทะเลบริเวณอ่าวปัตตานี ซึ่งมีอุดมสมบูรณ์ยาวนานแบบนี้ได้ เพราะคนในชุมชนต้องการอนุรักษ์พื้นที่แห่งนี้ไว้ “ให้เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามตามธรรมชาติ คงไว้แบบนี้ตลอดไป” เพื่อให้ลูกหลาน นักเรียน นักศึกษา มาเรียนรู้วิถีชุมชน เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนและสัตว์ทะเลที่มีการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน นับว่าเป็นแหล่งธรรมชาติในเมืองที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
เส้นทางท่องเที่ยวตามคำขวัญ “เกลือหวานปัตตานี นั่งเรือหลักแสน บรรยากาศหลักล้าน”
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บานา ได้ร่วมกลุ่มเป็น “วิสาหกิจชุมชนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านบานา” หรือ สะพานไม้บานา ซึ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยมีไกด์นำเที่ยวเป็นคนในชุมชนที่รอบรู้เรื่องราวของธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและประวัติศาสตร์ชุมชน หากไปกับไกด์รับรองไม่พลาดจุดพักชมวิว ได้บันทึกภาพสวยๆ อย่างแน่นอน ส่วนเรือที่นั่งชมธรรมชาติก็เป็นเรือเล็กของคนในชุมชนซึ่งมีลวดลายปะดับประดาด้วยฝีมือประณีตงดงาม
ชุมชนบ้านบานา มีที่มาจากภาษาเปอร์เซีย คำว่า “บานา” มีความหมายว่า เมืองท่า ในอดีตมีเรือสินค้าจากหลายประเทศ ทั้งฮอลันดา โปรตุเกส จีน และอาหรับ มาลอยลำเพื่อทำการค้าขายที่นี่ นอกจากนี้ ชุมชนบ้านบานายังขึ้นชื่อเรื่องของประมงพื้นบ้าน และมีจุดเที่ยวชมเรียนรู้ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติอีกมากมาย
จุดแรกคือ สะพานไม้บานา ที่ทอดยาวเชื่อมโยงผืนดินสู่ทะเล เป็นหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทอดน่อง ชมวิว ถ่ายรูปได้ทั้งในช่วงเวลาเช้าและเย็น
อนันท์ อาบูลี ประธานวิสาหกิจชุมชนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านบานา (สะพานไม้บานา) บอกว่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาน้อย ก็สามารถนั่งเรือชมอ่าวปัตตานีภายในเวลาครึ่งชั่วโมงได้เหมือนกัน ค่าบริการนั่งเรือชมอ่าวปัตตานี อยู่ที่คนละ 30 บาท แต่ถ้ามาแล้วสนใจเรื่องประวัติศาสตร์และอยากชมบรรยากาศอ่าวปัตตานีก็ จะพาล่องเรือเที่ยวอุโมงค์ป่าโกงกาง และแวะพักขนำกลางทะเล ซึ่งจุดนี้มีความน่าสนใจทั้งการชมวิวและถ่ายภาพ ซึ่งจะใช้เวลาในจุดนี้ราว 1-2 ชั่วโมง หรือขึ้นอยู่กับความต้องการของนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะใช้เวลามากน้อยแค่ไหนในแต่ละจุด
ล่องเรือเล็ก สัมผัสอุโมงค์ป่าโกงกาง พื้นที่อนุรักษ์เพื่อให้ความงามคงอยู่ตามธรรมชาติ
พื้นที่สีเขียวสบายตาของอุโมงค์ป่าโกงกางกับบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบาย สลับกับแสงอาทิตย์ที่ส่องลอดช่องระหว่างใบไม้เขียวสดของต้นโกงกาง ล่องเรือเพลินๆ ชมธรรมชาติ ฝูงนกน้ำ ตื่นตากับฝูงปลาตัวเล็กที่กระโดดโลดแล่นโฉบบนผิวน้ำ เป็นอีกความรื่นรมย์ที่ธรรมชาติมอบให้กับกับชุมชนที่นี่ ซึ่งช่วยบำบัดความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ไกด์นำเที่ยวจะพาไปที่หยุดลงเล่นน้ำ ในบรรยากาศอุโมงค์ป่าโกงกาง ความเย็นของสายน้ำและสีเขียวเข้มสลับเขียวอ่อนสร้างบรรยากาศผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
ออกจากอุโมงค์ป่าโกงกางกลับขึ้นฝั่ง ก็จะมีอาหารทะเลสดใหม่รอรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งอาหารพื้นบ้านตามฤดูกาล ใครที่อยากกินกุ้ง หอย ปู ปลา ให้บอกชาวบ้านได้เลย เพราะ ชาวประมงในชุมชนสามารถหามาให้นักท่องเที่ยวได้ ส่วนราคาก็ขึ้นอยู่ตามฤดูกาลขั้นต่ำอยู่ที่เพียงคนละ 145 บาท นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งเมนูที่เป็นอาหารตามฤดูกาล คือ “ถั่วทะเลจิ้มมะพร้าวอ่อน” เมนูอาหารที่หารับประทานได้ยาก ถึงจะแปลกเพราะหลายคนไม่รู้จัก แต่ก็มีความอร่อยลงตัว
เที่ยวสนุก ถ่ายรูปสวย กินหอยสดๆ ที่สะพานไม้บานา
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความท้าทายผาดโผน สนุกสนาน สามารถลงเล่นเรือกระดานได้ในช่วงน้ำลด ซึ่งบริเวณรอบๆ สะพานไม้บานาก็จะกลายสภาพเป็นทะเลโคลน เหมาะกับการนั่งเรือกระดานถีบหาหอย ที่นี่จะมีหอยหลากหลายชนิด ทั้งหอยนางรม หอยแครง และหอยประจำถิ่น อย่างหอยเดือน หรือหอยกระจง หากเป็นช่วงที่น้ำยังไม่ลดก็สามารถลงดำน้ำลงไปงมหอยได้เต็มที่ และนำหอยสดๆ ไปปิ้งย่าง รสชาติหวาน อร่อย
ภาพวิถีชีวิตของชุมชนชายทะเลแนวอ่าวปัตตานีที่เรียบง่าย ใกล้ชิดธรรมชาติ การได้ออกมาสัมผัสพื้นที่อนุรักษ์โดยชาวบ้าน ได้เก็บหอยสดๆ รอบสะพานไม้บานา ก็สามารถสร้างความประทับใจได้ไม่รู้ลืม ส่วนไม้ไผ่ที่ปักเป็นแนวยาวก็เป็นส่วนหนึ่งที่ชาวบ้านที่นี่ช่วยกัน เพื่อสร้างบ้านให้หอยแมลงภู่มาเกาะอาศัย กลายเป็นแหล่งเศรษฐกิจหนึ่งเดียวในปัตตานีที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์หอยแมลงภู่ หนึ่งในสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนสะพานไม้บานา