กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟลอยฟุ้งไปทั่วทั้งผาฮี้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หากใครได้ไปเยือนพื้นที่บริเวณนี้ จะพบว่าตนเองนั้นยืนอยู่ท่ามกลางหุบเขา และพื้นที่ตรงหน้า คือ อาณาของประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศเมียนมาร์
นอกจากกาแฟจะเป็นสินค้าขึ้นชื่อของผาฮี้แล้ว การท่องเที่ยวชุมชนเชิงวัฒนธรรมก็เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เนื่องจากพื้นที่ของอผาฮี้ เป็นแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัยของชาวอาข่า อีกหนึ่งกลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยมาจากแคว้นสิบสองปันนาตั้งแต่ครั้งอดีต
แต่ใครจะนึกถึงว่า หมู่บ้านเล็กบนเขาสูง รายล้อมด้วยทิวทัศน์เขียวชะอุ่มสุดสบายตาแห่งนี้ จะเป็นพื้นที่ชายแดนที่ชาวบ้านในพื้นที่เคยนิยมปลูกฝิ่น และด้วยลักษณะทางภูมิประเทศ ผาฮี้ เคยถูกใช้เป็นสถานที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติดและกลายเป็นพื้นที่เสมือนถูกทอดทิ้ง แต่หลังจากความพยายามของภาครัฐและการที่หลายฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาของชุมชน ทำให้ชาวหมู่บ้านกลับมาทำมาหากินได้ด้วยอาชีพสุจริต พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยบรรยากาศที่งดงามสบายตา ปราศจากปัญหายาเสพติด
หนึ่งในแนวทางการพัฒนาที่สำคัญของคนในพื้นที่ คือ การปลูกพืชเศรษฐกิจเพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น โดยเฉพาะ กาแฟ สายพันธุ์อาราบิก้า ที่ขึ้นได้ดีในพื้นที่ระดับความสูงแบบนี้ ซึ่งกาแฟได้ช่วยดึงดูดให้ชุมชนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยเสริมด้วยการนำเสนอวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า ตั้งแต่ปี 2524 เป็นต้นมา ผาฮี้พัฒนาการปลูกกาแฟ จนกลายเป็นสินค้าประจำชุมชน และเน้นการเพาะปลูกที่ยั่งยืน คนอยู่ร่วมป่าได้โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์
ในที่สุดความร่วมไม้ร่วมมือของชาวผาฮี้ก็ออกดอกออกผล ปี 2554 กาแฟจากผาฮี้ ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดมหกรรมพืชสวนโลก จึงกลายเป็นที่มาความโด่งดังของกาแฟจากผาฮี้ ปัจจุบัน กาแฟเป็นรายได้หลักของพี่น้องประชาชนในหมู่บ้าน รายได้จากการขายกาแฟไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาทต่อปี
นอกจากสินค้าดังอย่างกาแฟแล้ว การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวอาข่าก็โดดเด่นควบคู่ขึ้นมาเช่นกัน มีการพัฒนาที่พักแบบโฮมสเตย์ เสริฟด้วยอาหารอาข่าให้ชิม ซึ่งมีลักษณะพิเศษจากการนำเอาภูมิปัญญาของบรรพบุรุษมาใช้เป็นจุดขาย เพราะอาหารอาข่าเน้นรับประทานเพื่อเป็นยาปรับสมดุลธาตุในร่างกาย มีส่วนผสมของสมุนไพรพืชป่า
ปัจจุบัน อบต.โป่งงาม ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลพื้นที่หมู่บ้านผาฮี้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีส่วนช่วยในการโปรโมทการท่องเที่ยวและกาแฟอาราบิก้าอย่างมาก จนเรียกได้ว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทสำคัญ ในการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเข้าไปได้ยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้โดยตรง
