เมื่อคนรวยกับคนจนมีช่องว่างของรายได้ถึงกว่า 20 เท่า ก็ยากจะปฏิเสธว่าการแก้ปัญหาความยากจนในพื้นที่ชายแดนใต้เป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้อีกต่อไป
นี่ไม่ใช่เรื่องของตัวเลขเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของคนจริงๆ ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ ด้วยการใช้ข้อมูลและการวิจัยอย่างมีเป้าหมาย โครงการนี้กำลังมองหาแนวทางที่ยั่งยืนในการช่วยเหลือชุมชน ทั้งการพัฒนาทักษะ การสร้างงาน และการสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน ให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสและอนาคตที่ดีกว่าเดิม
ข้อมูลสะท้อนสถานการณ์
ในปี 2566 สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีประชากรทั้งสิ้น 2,510,000 คน โดยมีสัดส่วนคนจนถึง 249,300 คน หรือเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด ซึ่งตัวเลขนี้สูงกว่าระดับประเทศถึง 3.8 เท่า นอกจากนี้ รายได้เฉลี่ยของคนในพื้นที่นี้ยังต่ำสุดเพียง 5,725 บาทต่อเดือน ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศที่ 9,409 บาทต่อเดือน ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยที่สุดและคนจนที่สุดในพื้นที่นี้ก็สูงถึง 20.6 เท่า โดยกลุ่มคนรวยได้รับส่วนแบ่งรายได้ถึง 41.4% ขณะที่กลุ่มคนจนมีส่วนแบ่งเพียง 2% เท่านั้น
ความยากจนที่ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องเงินทอง
ดร.ไอร์นี แอสะดง รองหัวหน้าโครงการวิจัย “โครงการแก้จนคนตานี” ซึ่งเป็นโครงการวิจัยแก้ไขปัญหาความยากจนจังหวัดปัตตานี สนับสนุนโดย บพท. หรือ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ กล่าวว่า ครัวเรือนยากจนในพื้นที่ส่วนใหญ่ประสบปัญหาการขาดแคลนทุน 5 ด้าน อันได้แก่ ทักษะอาชีพ(ทุนมนุษย์) เงินออม(ทุนการเงิน) การช่วยเหลือกันในชุมชน(ทุนสังคม) ที่ดินทำกิน(ทุนกายภาพ) และบ้านอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ(ทุนธรรมชาติ)
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ โครงการวิจัยได้พัฒนาขึ้นมาทั้งหมด 104 โมเดลแก้จน ซึ่งครอบคลุมหลายมิติ ทั้งการสนับสนุนแบบครัวเรือน การเสริมศักยภาพการรวมกลุ่ม และการยกระดับเครือข่ายเพื่อให้ความช่วยเหลือครอบคลุมกว้างขวางขึ้น
โมเดลแก้จน: การเริ่มต้นที่ยั่งยืน
โครงการแก้จนคนตานี ไม่ได้มีเพียงแค่การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความยากจนเท่านั้น แต่ยังมีการสำรวจและสอบทานข้อมูลในเชิงลึกผ่านกระบวนการ TPMAP (Thai Poverty Map and Analytics Platform) ซึ่งทำให้ได้ข้อมูลที่สามารถใช้ในการออกแบบโมเดลแก้จนที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่
หนึ่งในแนวทางการแก้จนคือการสร้างกลุ่ม Local Enterprise หรือ วิสาหกิจชุมชน ซึ่งสามารถดึงครัวเรือนยากจนเข้ามาร่วมกลุ่มและทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์และพัฒนาที่ยั่งยืนขึ้น
การร่วมมือกับ 6 มหาวิทยาลัยเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง
โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, มหาวิทยาลัยทักษิณ, มหาวิทยาลัยฟาฏอนี และมหาวิทยาลัยราชมงคลศรีวิชัย ที่ได้รวมตัวกันเพื่อพัฒนาและนำเสนอ 104 โมเดลแก้จนที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
เป้าหมายสู่ปี 2570: ลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำ
เป้าหมายของโครงการนี้ คือ การลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำในจังหวัดปัตตานีและชายแดนใต้ให้หมดสิ้นไปในปี 2570 ผ่านการร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้คนทุกคนในพื้นที่นี้สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นและก้าวข้ามผ่านความยากจนไปด้วยกัน
โครงการแก้จนของการใช้วิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม แม้ว่าปัญหาความยากจนในชายแดนใต้จะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและท้าทาย แต่ด้วยความร่วมมือและความพยายาม โครงการนี้มีความหวังที่จะนำพาชุมชนในพื้นที่ไปสู่อนาคตที่ดีกว่า